4 อาจารย์ ม.เชียงใหม่ ถูกมะเร็งปอดคร่าชีวิต เชื่อสาเหตุจากฝุ่น PM2.5-จี้รัฐบาลใส่ใจแก้ไขจริงจัง

รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่าสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันไฟป่าและมลพิษอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ยังคงเลวร้ายต่อเนื่อง โดยล่าสุดกลุ่มนักวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เป็นเครือข่ายผู้ฟ้องคดีฝุ่น ได้ร่วมกันแถลงการณ์ประกาศ เชียงใหม่เมืองมลพิษทางอากาศ พร้อมเรียกร้องประชาชนในภาคเหนือที่เผชิญฝุ่น PM2.5 ร่วมกันประกาศเขตมลพิษ หลังรัฐบาลเมินอ้างกลัวกระทบท่องเที่ยว

สร้างความเศร้าสลดให้กับครอบครัว คณาจารย์ และนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เมื่อพบว่ามีอาจารย์เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดแล้วอย่างน้อย 4 ราย ทั้งๆ ที่ไม่มีประวัติการสูบบุหรี่ สันนิษฐานว่าสาเหตุหลักมาจากพิษฝุ่น PM2.5 ที่เป็นปัญหาเรื้อรังมานานของจังหวัดเชียงใหม่

รายล่าสุดคือ ศาสตราจารย์ ดร. ระวิวรรณ โอฬารรัตน์มณี คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มช. เสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา สร้างความตกใจและเสียใจให้กับครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และนักศึกษาเป็นอย่างมาก นายจิตรกร โอฬารรัตน์มณี สามีของ ดร. ระวิวรรณ เปิดเผยว่า ดร. ระวิวรรณ ไม่เคยสูบบุหรี่ แต่อาศัยอยู่ในเชียงใหม่มาตลอด และเริ่มมีอาการป่วยเมื่อปี 2566 ก่อนที่จะเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งปอด

นายจิตรกร กล่าวต่อว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากให้กรณีของ ดร. ระวิวรรณ เป็นกรณีตัวอย่างกระตุ้นให้รัฐบาลจริงจังกับปัญหาฝุ่น PM2.5 ในจังหวัดเชียงใหม่ เพราะนอกจาก ดร. ระวิวรรณแล้ว ยังมีอาจารย์ มช. อีก 3 ราย เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ไม่เคยสูบบุหรี่เช่นกัน

ด้านนายแพทย์รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ และหัวหน้าศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มช. อธิบายว่า ปกติแล้วผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดที่ไม่สูบบุหรี่จะมีจำนวนน้อย แต่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีปัญหาฝุ่น PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานเรื้อรัง กลับพบผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดมีสัดส่วนที่สูงมากกว่าที่อื่น

นายแพทย์รังสฤษฎ์ อ้างอิงผลวิจัยที่ชี้ชัดว่า การใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่มีปัญหาฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งปอดได้หลายเท่า ประกอบกับปัจจัยอื่นๆ เช่น พันธุกรรม การสัมผัสสารก่อมะเร็ง

การเสียชีวิตของอาจารย์ มช. ทั้ง 4 ราย สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชน ทางครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และนักศึกษา ต่างเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์สูญเสียเช่นนี้อีกต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น:

  • มาตรการในการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ของจังหวัดเชียงใหม่มีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่?
  • ประชาชนควรป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM2.5 อย่างไร?
  • รัฐบาลมีแนวทางช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดจากฝุ่น PM2.5 อย่างไร?

การเสียชีวิตของอาจารย์ มช. ทั้ง 4 ราย ควรเป็นบทเรียนสำคัญให้กับทุกฝ่าย ในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนและอนาคตของเมืองเชียงใหม่

ขณะที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิชญ์อาภา พิศุทธ์เศรณี สำนักวิชาการระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุรายนามคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด โดยมีข้อความว่า “รายนามคณาจารย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เสียชีวิตเพราะมะเร็งปอด
มีนาคม 2565 .. รองศาสตราจารย์.ดร.ภาณุวรรณ จันทวรรณกูร ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

กันยายน 2566 .. รองศาสตราจารย์ ดร.มงคล รายะนาคร ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และท่านเป็นอดีตคณบดีของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ..ท่านริเริ่มศึกษาฝุ่นพิษมาตั้งแต่ปี 2550 ที่ยังไม่มีใครรู้จัก PM2.5 ในชื่อโครงการวิจัยเรื่องการวิเคราะห์เพื่อหามลพิษทางอากาศในอนุภาคฝุ่นในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน ทุนวิจัยจาก สกว.

ธันวาคม 2566 .. นพ.กฤตไท ธนกฤตสมบัติ อาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เมษายน 2567 .. ศาสตราจารย์ ดร.ระวิวรรณ โอฬารรัตน์มณี คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ยังต้องรอให้สูญเสียอีกเท่าไร จึงจะแก้ปัญหาการเผาและ PM2.5